ชุมชนลูกองค์พ่อจตุคามรามเทพ พระโพธิสัตว์พังพระกาฬชุมชนลูกองค์พ่อจตุคามรามเทพ พระโพธิสัตว์พังพระกาฬ
กันยายน 17, 2024, 02:40:57 AM*

ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว:
การค้นหาขั้นสูง  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วันลอยกระทง...วันที่พระสารีบุตรเข้าสู่นิพพาน  (อ่าน 7878 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
u-ro
Global Moderator
Hero Member
*****
กระทู้: 688


Papa น้องมิว 0830669533

srawud@hotmail.com
เว็บไซต์ อีเมล์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 01:01:11 PM »

พระสารีบุตรเถระ


พระอรหันตธาตุ "สัณฐานกลมเป็นปริมณฑลบ้าง รีเป็นไข่จิ้งจกบ้าง เป็นดังรูปบาตรคว่ำบ้าง
พรรณขาวดังสีสังข์ สีพิกุลแห้ง สีหวายตะค้า"

ประวัติ พระสารีบุตร เอตทัคคอัครมหาสาวกผู้เลิศทางปัญญา


พระสารีบุตรถือกำเนิดในครรภ์ของนางสารีพราหมณีในบ้านอุปติสสคาม ณ หมู่บ้านนาลกะ (นาลันทะ) ไม่ไกลกรุงราชคฤห์ เดิมชื่อ อุปติสสะ บิดาคือ วังคันตพราหมณ์ มารดาคือ สารีพรามหณี มีน้องชาย ๓ คนชื่อ

อุปเสนะ (เอตทัคคมหาสาวกผู้นำความเลื่อมใสมาโดยรอบ),
จุนทะ (พระมหาสาวกจุนทะ แต่พระส่วนใหญ่ชอบเรียกท่านว่า สามเณรจุนทะ จนติดปาก),

เรวตะ (เอตทัคคมหาสาวกเลิศทางผู้อยู่ป่าเป็นวัตร),

มีน้องสาว ๓ คน นามว่า จาลา, อุปจาลา และสีสุปจาลา ซึ่งต่อมาได้บวชเป็นภิกษุณีและสามารถบรรลุธรรมขั้นสูง เป็นพระอรหันต์ทั้งหมด แม้สหายของท่านคือ พระโมคคัลลานะ ก็ถือกำเนิดในครรภ์ของโมคคัลลีพราหมณีในวันเดียวกัน บ้านโกลิตคาม อันไม่ไกลกรุงราชคฤห์


วัยหนุ่มตอนเป็นคฤหัสถ์

ในกรุงราชคฤห์มีงานมหรสพประจำปีบนยอดเขา ซึ่งมาณพทั้งสองก็นั่งรวมกันดูมหรสพเป็นประจำ จนกระทั่งถึงวันหนึ่ง ท่านทั้งสองเริ่มมีความเบื่อหน่ายในงานมหรสพ ด้วยต่างคิดว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่ควรดูในมหรสพเหล่านี้ เพราะคนทั้งหมด ต่างก็จะล้มหายตายจากกันไป เราควรแสวงธรรมซึ่งเป็นเครื่องหลุดพ้น ดังนี้ ขณะนั้นโกลิตะเห็นเพื่ออุปติสสะใจลอยจึงกล่าวถาม อุปติสสะจึงบอกความในใจ ที่เบื่อหน่ายต่อมหรสพและความต้องการแสวงหาธรรมอันเป็นเครื่องหลุดพ้นแล้วจึงถามกลับบ้าน ซึ่งโกลิตะก็ตอบโดยมีเนื้อความเช่นเดียวกัน เมื่อต่างคนต่างทราบความในใจแล้ว จึงชวนกันไปบวชในสำนักของสัญชัยปริพาชก พร้อมกับมาณพอีก ๕๐๐ คน เมื่อบวชแล้วท่านทั้งสองได้เรียนจบลัทธิของสัญชัยปริพาชกทั้งหมด โดยใช้เวลาเพียง ๒-๓ วันเท่านั้น เมื่อหมดความรู้ที่จะศึกษาแล้ว และยังไม่เห็นถึงธรรม ท่านจึงอำลาและแสวงหาอาจารย์ท่านอื่นๆต่อไป ซึ่งท่านทั้งสองได้ตกลงกันว่า หากใครบรรลุอมตะก่อน ผู้นั้นจงบอกแก่กัน

สมัยนั้น พระอัสสชิเถระหนึ่งในภิกษุปัญจวัคคีย์ ได้ถือบาตรและจีวรเข้าไปบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์แต่เช้าตรู่ อุปติสสปริพาชกทำภัตกิจแต่เช้ามืดแล้วเดินไปอารามปริพาชก ได้เห็นพระเถระจึงตั้งใจเข้าไปสอบถามคำถามต่างๆ แต่เนื่องจากพระเถระกำลังบิณฑบาตอยู่ จึงติดตามไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงสถานที่แห่งหนึ่ง จึงเข้าไปอุปัฏฐากพระเถระ เมื่อเสร็จจากภัตกิจแล้วจึงได้สนทนาธรรมกัน โดยการสนทนาธรรมในครั้งนี้ทำให้ท่านได้บรรลุธรรมขั้นโสดาบัน เมื่อสอบถามถึงสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านจึงกลับไปตามโกลิตปริพาชก เมื่อท่านได้กล่าวคาถาที่พระเถระได้มอบให้ไว้ โกลิตปริพาชกก็บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันเช่นเดียวกัน ท่านทั้งสองจึงนับถือพระอัสสชิเป็นอาจารย์ และไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่พระเวฬุวัน แต่ก่อนไป ท่านทั้งสองได้ไปชักชวนอาจารย์เก่า คือสัญชัยปริพาชก แต่อาจารย์ท่านปฏิเสธ แต่มีอันเตวาสิก ๒๕๐ คนได้ติดตามไปด้วย

เมื่อพระศาสดากำลังทรงแสดงธรรมอยู่ท่ามกลางบริษัท ๔ เห็นชนเหล่านั้นแต่ไกล จึงตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า ๒ คนนั้น คือโกลิตะและอุปติสสะกำลังเดินมา ทั้งสองนี้แหละจักเป็นคู่สาวกที่เลิศที่เจริญ ครั้นแล้วทรงขยายพระธรรมเทศนา เนื่องด้วยจริยาแห่งบริษัทของ ๒ สหายนั้น ในครั้งนั้นบรรดาผู้ติดตามทั้งหมดต่างได้บรรลุอรหัตผล ยกเว้นพระอัครสาวกทั้งสอง เมื่อนั้นพระศาสดาจึงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาให้


การบรรลุธรรม
หลังจากพระสารีบุตรเถระบวชได้ครึ่งเดือน ก็เข้าไปอาศัยอยู่ในถ้ำสุกรขาตากับพระศาสดา กรุงราชคฤห์ ขณะที่พระสารีบุตรถวายงานพัดอยู่นั้น เมื่อพระศาสดาทรงแสดงเวทนาปริคหสูตรแก่ทีฆนขปริพาชก ผู้เป็นหลานของพระสารีบุตร ท่านได้ส่งญาณไปตามกระแสพระสูตร ก็ได้บรรลุถึงที่สุดสาวกบารมีญาณ สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ในวันขึ้น ๑๕ เดือน ๓ เวลาบ่ายในเวลาต่อมา พระศาสดาจึงทรงสถาปนาพระมหาสาวก้ทั้งสองไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะว่า สารีบุตรเป็นยอดของภิกษุสาวกของเราผู้มีปัญญามาก มหาโมคคัลลานะเป็นยอดของภิกษุสาวกของเราผู้มีฤทธิ์มาก แม้ว่าพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะจะเกิดพร้อมกัน แต่ด้วยพระสารีบุตรสำเร็จเป็นพระโสดาบันก่อน พระผู้มีพระภาคจึงถือให้พระสารีบุตรเป็นผู้พี่ของพระโมคคัลลานะ.



ถ้ำสุกรขาตา สถานที่พระสารีบุตรบรรลุพระอรหันต์ เขาคิชฌกูฏ เมืองราชคฤห์



นิพพาน
เมื่อพระสารีบุตรอาพาธ ท่านจึงทูลลาพระพุทธเจ้ากลับไปนิพพานยังบ้านเกิด ก่อนนิพพานท่านได้ทำให้โยมมารดาเปลี่ยนใจ หันมายอมรับนับถือพระพุทธศาสนา โดยแสดงธรรมแก่มารดาจนบรรลุธรรมขั้นโสดาบัน หลังจากท่านนิพพานแล้วพระจุนทะจึงนำพระธาตุของพระสารีบุตรไปถวายพระพุทธเจ้าพระสารีบุตรปรินิพพานก่อนพระพุทธเจ้าประมาณ ๖ เดือน คือ วันเพ็ญ เดือน ๑๒(ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒) เวลาใกล้รุ่ง ที่บ้านตนเอง.




วันเพ็ญ เดือนสิบสอง วันคล้ายวันนิพพานของพระสารีบุตร



พระสารีบุตร นิพพานเมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ที่บ้านของท่านเอง ด้วยโรคปักขันทิกาพาธ (ถ่ายจนเป็นเลือด) ดังมีเรื่องเล่าว่า

วันหนึ่ง ท่านเข้าผลสมาบัติอยู่ในที่พักกลางวันของท่านในวัดเชตวัน เมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ออกจากผลสมาบัติแล้วพิจารณาเห็นว่าพระอัครสาวกย่อมนิพพานก่อนพระพุทธเจ้า ดังนั้นท่านจึงได้ตรวจดูอายุสังขารของตนเองและเห็นว่าจะมีชีวิตอยู่ไปได้อีก ๗ วันเท่านั้น ท่านได้พิจารณาต่อไปถึงสถานที่ที่จะไปนิพพาน ก็เห็นว่าควรจะไปนิพพานที่บ้านเกิด ทั้งนี้เพื่อจะได้โปรดโยมมารดาซึ่งยังเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ให้ได้เลื่อมใสในพระรัตนตรัย อีกทั้งยังเห็นด้วยว่าโยมมารดามีอุปนิสัยสามารถที่จะบรรลุมรรคผลได้เมื่อได้ฟังธรรมที่ท่านแสดง

เมื่อปลงใจได้ดังนั้นแล้ว ท่านจึงแจ้งพระจุนทะผู้เป็นน้องชายให้ทราบ และบอกพระจุนทะให้แจ้งแก่บรรดาศิษย์ของท่านให้ทราบด้วย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วท่านได้เก็บกวาดเสนาสนะ แล้วออกมายืนอยู่ที่หน้าเสนาสนะนั้น ท่านมองดูทุกสิ่งทุกอย่างเป็นครั้งสุดท้าย แล้วพาพระจุนทะและพระบริวาร ๕๐๐ รูปเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า


* ถ้าสุกรขาตา.jpg (12.18 KB, 220x159 - ดู 842 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

mypong08
Jr. Member
**
กระทู้: 62


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2010, 05:58:53 PM »

ขอเพิ่มเติมข้อมูลเรื่องพระสารีบุตร อีกเล็กน้อยที่ขาดหายไปเพื่อให้สมบูรณ์ที่สุด

1. ในตอนพระอัสชิได้ตอบพระสารีบุตรนั้น พระอัสชิได้บอกกับพระสารีบุตรว่า ตัวท่านพึ่งได้บวชไม่นาน ยังไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่(นี่ขนาดเป็นพระอรหันต์ นะเนี่ย ท่านยังถ่อมตัวเลย) พระสารีบุตรได้บอกว่า ไม่เป็นไร ขอให้ท่านบอกข้อธรรมที่ท่านได้รู้มาเถิด พระอัสชิจึงได้ตอบว่า " ทุกข์เกิดขึ้นได้เพราะเหตุ ถ้าไม่ต้องการให้เกิดทุกข์ ก็ให้ดับที่เหตุ " พอพระสารีบุตรฟัง ก็ได้รู้แจ้งในธรรม สำเร็จพระโสดาบันในตอนนั้นเลย

2. ในการสำเร็จเป็นพระอรหันต์ พระสารีบุตรต้องใช้เวลาบำเพ็ญเพียรอยู่ถึง 15 วัน ส่วนพระโมคคัลลาห์ ใช้ความเพียรเพียง 7 วันเท่านั้น แต่พระพุทธเจ้าได้แต่งตั้งพระสารีบุตรเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา และให้พระโมคคัลลาห์เป็นพระอัครสาวกเบี้ยงซ้าย เพราะ พระองค์ถือว่า ปัญญามีความสำคัญกว่า ฤทธิ์ มากนัก ถ้าวัดความฉลาดและมีปัญญามากแล้ว พระสารีบุตรจะมีปัญญามากกว่า พระโมคคัลลาห์ แต่มีคำถามก็คือ ในเมื่อพระสารีบุตรมีปัญญามากกว่า แต่ทำไมถึงสำเร็จช้ากว่าพระโมคคัลลาห์ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะ ผู้ที่มีปัญญาน้อย เปรียบเหมือนคนสามัญธรรมดา ถ้าจะมีการเดินทางไปไหน เพียงแค่เตรียมเสื้อผ้ายัดใส่กระเป่า และอื่น ๆ ไม่นานก็สามารถเดินทาง แต่ถ้าเป็น กษัตริย์ ละ จะเดินทางครั้งหนึ่ง จะต้องเตรียมไพร่พล พยุหยาตรา และอื่น ๆ ซึ่งต้องใช้เวลามากกว่าแยะมาก
ที่เดียว
4. ห้องที่พระสารีบุตรเข้านิพพานนั้น เป็นห้องที่ท่านเกิด ซึ่งท่านได้ปรารถนาจะเข้านิพพานที่นั้น อาจเป็นไปได้ว่าท่านอาจต้องการที่จะเกิดและตาย (เข้านิพพาน)ในที่เดียวกันนั้นเอง
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

B l a c k - R a i n V.2 by C r i p ~ Powered by SMF 1.1.16 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF XHTML | CSS   

หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.148 วินาที กับ 24 คำสั่ง (Pretty URLs adds 0.001s, 0q)